วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559


ผมทำงานด้วยเหตุนี้ผมจึงมีเนื้อหาที่จะเขียนเพียงแค่มีกล่องไฟสตูดิโอเอาไว้ถ่ายภาพสวยๆลงในหนังสือ

นี่คือคุณเฑียรร์ที่ช่วยสงเคราะห็ให้ผมทำงานด้วยเหตุนี้ผมจึงมีเนื้อหาที่จะเขียนเพียงแค่ทีมยิงปีนเท่านั้นซึ่งอยากเขียนไว้ให้นักกีฬาอย่าเอาอย่างเป็นอันขาดเช้าวันแข่งปีนลันยิงเร็วคุณเฑียรร์กับทีมยิงปีนคือคุณประทีปมาถึงแล้ว เมื่อคืนผมนอนที่นี่ เจ้ามน (สุมน สุมนเตมืย์) กว่าจะนอนได้ก็ดึกเพราะมัวแต่แต่งไกปีน อะไรของเขาก็ไม่รู้คุณเฑียรร์บ่น อีกลักครู่คนที่ถูกบ่นก็มาถึง หัวเราะแหะๆ แก้เก้อเหมือนรู้ตัว
คุณเฑียรร์จึง กล่องไฟถ่ายภาพ ถามว่าพร้อมแล้วใช่ไหมสุมนทำท่าเหมือนไม่แน่ใจเอามือคลำที่หน้าอกตายผมลืมเอาหลวงพ่อมาสีหน้าของสุมนไม่ดีเลยขอรถให้ผมไปเอาได้ไหม คุณเฑียรร์ดูนาปีกาแล้วพยักหน้า สุมนเผ่นออกไปไม่รอช้าไม่นานก็กลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผมจัดการถ่ายภาพนักกีฬายิงเร็วทั้งสุมนและประทีปเพราะขณะแข่งห้ามถ่ายภาพเป็นอันขาดพอถึงเวลาที่สุมนจะต้องยิงจะด้วยนอนดึกหรือความประหม่าก็เหลือเดา ห้าเป้าแรกยิงพลาดเป้าหนึ่งนัดแม้ว่าอีกห้าเป้าครั้งที่สองและครั้งที่สามในเวลาที่ต่างกันจะยิงกลางเป้าครบทุกเป้าการยิงพลาดไปหนึ่งนัดก็เรียกได้ว่าไม่มีโอกาสอีกแล้วถ้าผมจำไม่ผิดห้าเป้าแรก ๑๐ วินาที ห้าเป้าที่สอง ๖ วินาทีและห้าเป้าสุดท้าย กล่องถ่ายภาพ เป็นอันว่าสุมนที่เคยซ้อมมาตีกังวลกับไกปีน แต่งแล้วแต่งอีกจนนอนดึกแถมมาถึงสนามแข่งแล้วเกิดลืมนิมนต์หลวงพ่อมาด้วย จะเห็นว่านิมนต์มาแล้วก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้สุมนเองก็เสียใจเหมือนกันและรับว่าผิดเองทีมยิงปีนยังมีปีนสั้นยิงช้าคุณอมรกับคุณเฉลิมปีนยาวสามท่า ปีนยาวท่านอนได้ผลไม่ดีนักผมมีเวลาได้เที่ยวเตร่โดยไกด์กิตติมศักดิ้บ้างโดยคุณเฑียรร์บ้าง ทำให้ได้มีโอกาสชมการแสดงโอเปร่ากลางแจ้งซึ่งดีมาก คนดูเต็มเป็นเวทีกลางแจ้งที่จุคนมากทีเดียวตรงที่นั่งดูค่อนข้างไกลแต่สามารถเห็นรถศึกเทียมม้าที่วิ่งออกมาพร้อมขุนศึกบนรถม้ารั้งม้าหยุดได้อย่างงดงาม ด้านหลังฉากนั้นเป็นฉากแม่น้ำไนล์ผมถือว่าคุ้มอย่างมากทีเดียวยี่สิบเอ็ดวันที่กรุงโรมทำให้มีคนเหลือที่จะร่วมเดินทางไปเมืองตูรินไม่มากนัก มีคุณเฉลิม คุณกฤษดาคุณสาโรช กล่องไฟถ่ายรูป  คุณเฑียรร์กับภรรยาไปรถคันเดียวยกเว้นคุณเฉลิมนั่งรถไฟไปด้วยกันกับผมและพบกันที่สถานีรถไฟตูรินผมกับคุณเฉลิมจะนอนด้วยกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเรียบร้อยในนามของบริษัทเทีเยตยักษ์ใหญ่ของอิตาลี เราไปดูการประกอบรถในโรงงานซึ่งช่วงเวลานั้นเมืองไทยยังไม่มีที่โชคดีก็คือมีโอกาสได้นั่งรถไฟไปเที่ยวเวนิสจากการชวนของคุณหลวงสุขุมฯโดยการนั่งรถด่วนจากตูรินซึ่งอยู่ค่อนไปทางเหนือแล้ววิ่งลงมาเฉียงตะวันออก ดูเหมือนรถจะออกสามทุ่มถึงเวนิสสว่างพอดีรถไฟแล่นเร็วมากแต่เร็วยังไงถือถ้วยกาแฟที่รินใหม่ๆ ก็ไม่กระฉอกว่างั้นเถอะมีโอกาสได้เหยียบย่างเข้าลานจัตุรัสเซนต์มาร์คซึ่งเป็นลานกว้างเห็นตัวโบสถ์ตระหง่านลึกเข้าไปนกพิราบคอยจิกอาหารจากผ้มาท่องเที่ยวเต็มลาน ว่ากันว่าบริเวณลานนี้เป็นพื้นที่ต่ำสุดปีหนึ่งๆ น้ำจะท่วมปีละ ๒๐๐ ครั้งหมายถึงนั้าท่วมบริเวณลานหน้าโบสถ์เซนต์มาร์โคจากนั้นได้เดินไปดูการเปาแก้วเดินดูสภาพบ้านเรือนที่มีคลองเป็นถนนซึ่งกว่าจะเป็นคลองได้อย่างที่เห็นกันนั้นต้องมีการก่อสร้างหลายครั้ง แต่ละครั้งยุ่งยากลำบากเพราะต้องก่อสร้างทั้งๆที่น้ำอยู่เต็มพื้นที่แล้วเราก็เดินทางกลับในตอนเย็น ไปสว่างเอาที่เมืองตูรนเหมือนขามา กล่องถ่ายรูป ระหว่างที่อยู่เวนิสหลวงสุขุมฯ เล่าให้ฟังถึงการแข่งขนบาสเกตบอลว่าได้แช่งกันสาม ทีมในจำนวนนี้มีทีมจากอังกฤษปรากฏว่าอังกฤษแพ้เราซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากและไม่เชื่อฝืมีอขอพิสูจน์อีกครั้งได้ไหมโดยการขอร้องให้จัดเป็นรายการกุศลที่เมีองหนึ่งห่างจากกรุงโรมไม่มากนัก ทีมไทยก็ตกปากรับคำปรากฏว่าแช่งอีกครั้งแทนที่จะกู้หน้าได้กลับเลียหน้าชํ้าสองเพราะแพ้ทีมไทยจากตูรินซึ่งให้การต้อนรับขับกู้อย่างดีเยี่ยมในฐานะตัวแทนจำหน่ายซึ่งยุคนั้นถือว่าเทีเยตครองตลาดในเมืองไทยไม่ต่างอะไรกับโตโยต้าในขณะนี้และดูเหมือนว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปและมีการเปลี่ยนมือผู้บริหาร กล่องไฟถ่ายภาพสินค้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น