วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ข้าราชการระดับสูงในคณะรัฐประหารพวกเขายังใช้กล่องไฟถ่ายภาพกันเลย
อากาศอีกเหล่าละ ๙ นายสมทบด้วยข้าราชการระดับสูงในคณะรัฐประหารอีกลองคนการลาออกนี้คือพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเสรีมนังคศิลาด้วยหนังสือลาออกที่จาระไนบุคคลทั้งหมดนี้พลเอกกฤษณ์ สืวะราเป็นผู้นำใบลามายื่นต่อ พล.ต.ต.พิชัย กุลละวนิชย์ผู้ช่วย อ.ตร. ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการพรรคเสรีมนังคศิลา โดยยื่น ณที่ทำการพรรคผมคงไม่จำเป็นต้องจาระไนว่า ๔๖คนนี้มีใครบ้าง ถ้าจะเอ่ยก็คงเอ่ยแค่จอมพลสฤษดิ้, พล.อ.ท.เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร กล่องไฟถ่ายรูป พลเอกถนอมกิตติขจร พล.อ.ต.บุญชู จันทรุเบกษา เท่านั้นเพราะชื่อดังกล่าวนี้คุมกำลังทหารไว้ในมือครบถ้วนแม้แต่ทัพเรือพล.ร.อ.หลวงชำนาญอรรถยุทธก็ลงเรือมาสมทบด้วยถึงตรงนี้ จอมพล ป. และพล.ต.อ.เผ่าก็รู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นหมากกระดานนี้จะเข้าตาลับหรือไม่คงยากที่จะเดาได้ นี่คือเหตุการณในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๐๐แต่การที่จะนั่งคิดกันอยู่ตามตามลำพังคงจะไม่ช่วยให้การตัดสินใจเดินหมากตัวไหนได้ดี ฉะนั้น จอมพล ป.จอมพลพีนจอมพลเรือหลวงยุทธศาสตร์โกศล พ.อ.นายวรการบัญชาและที่ขาดไม่ได้คือ พล.ต.อ.เผ่าศรียานนท์ มาร่วมพบปะกันในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้น(๑๑ กันยายน)การพบกันครั้งนี้ถือได้ว่ามืความสำคัญทีเดียวความเคลื่อนไหวที่ว่านี้มีหรือที่ฝ่ายจอมพลสฤษดีจะโม่ล่วงรู้แม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดก็น่าจะเข้าทำนอง ไก่เห็นตีนงู กล่องไฟสตูดิโอ เพราะข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เองก็ไม่มีรายละเอียดแต่อย่างใดเรียกว่าข่าวการพบปะครั้งนี้เป็นความลับในเนื้อหาข่าวนักข่าวไปดักพบนายวรการบัญชาเพื่อด้นหารายละเอียด คำตอบที่ได้ก็คือ เป็นการหารือที่จะมืการปรับคณะรัฐมนตรีประเด็นที่ให้ลัมภาษณ์เพียงเท่านี้ทำให้เกิดการไหวตัวในวันต่อมา คือส.ส.ลูกพรรคเสรีมนังคศิลาประมาณ ๑๐ คนจะลาออกจากพรรคขณะเดียวกันคนที่เป็นรัฐมนตรีบางคนก็วิ่งหาข่าวเพื่อที่จะเว่าเก้าอี้ที่นั่งอยู่นั้นจะถูกสับปรับไปอย่างอื่นหรือไม่ไม่แต่ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีเท่านั้นข่าวยังกระฉ่อนอีกกระแสหนึ่งว่า จอมพล ป.จะลาออกพร้อมมีคำลังถึงลูกพรรคด้วยว่าจากนี้ไปขอให้ทุกคนอย่าออกต่างจังหวัดเพื่อการเรียกพบหรือการประชุมจะกระทำได้โดยง่ายใช่แต่เท่านั้น พรรคฝ่ายค้านคือประชาธิปัตย์โดยนายควง อภัยวงคํหัวหน้า กล่องไฟ light box
พรรคได้มีการประชุมนัยว่าเตรียมการที่จะเป็นรัฐบาลถ้าจอมพลป. ลาออกจริงจะเห็นว่าบรรยากาศการเมืองรุ่มร้อนทีเดียวกับ พล.ต.อ.เผ่า รัฐมนตรีว่าการมหาดไทยเจอะเจอนักข่าวซึ่งหยิบประเด็นการลาออกมาถามก็ได้รับการปฏิเสธนักข่าวจึงย้อนกลับมาที่พล.ต.อ.เผ่าที่มีข่าวว่าจะลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีคำตอบที่ได้รับก็คือไม่จริงเรื่องนี้อยู่ที่ท่านหัวหน้าเพียงคนเดียวจะบอกให้ว่าอั๊วน่ะเมียน้อย ส.ส.ประเภท ๒ เขาไม่ได้หรอกเพราะนั่นน่ะ(ลูก)เมียหลวงอั๊วไม่รู้อะไรทั้งนั้นเรื่องใครจะลาออกก็ต้องยื่นตรงถึงท่านนายกฯสมัยนั้นข่าวทางทีวียังไม่ก้าวหน้าถึงเอาตลับเทปยัดใส่กล้องถ่ายไปอัดเสียงพูดไปด้วยการพูดถึงเมียน้อยเมียหลวงคงไม่แคล้วการดูดเสียงออก ฉะนั้น ข่าวจึงไม่มีการระบุเมียน้อยเมียหลวงยกเว้นหนังสือพิมพ์เท่านั้นมีความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งกำลังส่อถึงความรุนแรง แม้ว่าจอมพล ป.จะให้ลัมภาษณ์ว่าได้โทรศัพท์คุยกับจอมพลสฤษดีแล้ว แต่ studio light box เป็นความลับพูดไม่ได้เป็นคำตอบที่ตัดบทการซักถามต่อการลาออกของ ล.ส.ประเภท ๒ จำนวนนายนั้น ได้มีการพบปะหารือกันที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๑ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวังปารุสกวัน คนที่มานั่งเป็นประธานในวันนั้น คือจอมพลสฤษดึ๋ชงเดินทางมาจากบ้านพ์กแหลมแท่นและมีการทำรายงานการประชุมด้วย โดยพลโทประภาส จารุเสถียรทำหน้าที่เลขานุการของที่ประชุมมีคนสำคัญอีกคนหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาร่วมด้วยคือพลจัตวาชาติชายชุณหะวัณ ผู้บังคับการโรงเรืยนยานเกราะมีการหารือกันอย่างกว้างขวางพล.จ.ชาติชายเป็นคนเสนอให้มีการรอมชอมกันแต่แล้วก็ออกเป็นมติที่ประชุมให้ทำหนังสือด่วน ถึงจอมพลป.ให้ลาออกพร้อมทั้งคณะแล้วให้สภาผู้แทนราษฎรเสนอจัดตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่ตามวิถีทางรัฐธรรมนุญประเด็นสำคัญอีกประเด็นคือให้พล.ต.อ.เผ่าพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจด้วยมติที่ประชุมไม่ปกปิดมีการให้ลัมภาษณ์ในประเด็นสำคัญโดยบอกด้วยว่าเป็นมติเอกฉันท์ของที่ประชุมแถมจอมพลสฤษดิ้ยังทิ้งท้ายว่า
กล่องไฟถ่ายภาพสินค้า
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น