วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
แต่คนดูเห็นว่าเป็นการจัดรายการเอาใจคนชอบถ่ายภาพจึงเอากล่องไฟสตูดิโอออกโฆษณาและการประกอบให้ทุกคนใช้เป็น
ผู้เดียว ไม่ใช่บริการสาธารณะ ขืนเป็นอย่างนี้อีกหน่อยจะเหมือนสเปนที่สถานีโทรทัศน์ถูกผู้ชมควรบาตร แม้ว่าทั้งประเทศจะมีเครื่องรับแค่ ๒๐๐เครื่องเท่านั้น แต่คนดูเห็นว่าเป็นการจัดรายการเอาใจฟรังโก ประธานาธิบดี คนเดียวทางด้านคุณแก้ว อัจฉริยะกุล เจ้าของนามปากกา แก้วฟ้า ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องบอกว่าละครเรื่องนี้เคยเป็นละครเวทีมาก่อนแล้ว แต่ซื่อเรื่อง มารหัวใจ คนอะไรดูละครไม่จบเรื่องแล้วลั่งหยุดทั้งๆ ที่จุดสะเทือนใจอยู่ที่ตอนจบ ผมถูกคนดูต่อว่าเขียนเรื่องซุย ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง คงเลิกเกี่ยวข้องกับทีวีช่องนี้อีกแล้ว กล่องไฟถ่ายภาพ ที่จริงหม่อมขาบท่านเคยพูดหยอกล้อผม เคยเขกหัวผมเล่นบ่อยๆ ด้วยซ้ำ ผมก็เคารพท่าน พูดแล้วล่ายหน้าความทรงจำของผมไม่ละเอียดลออขนาดนี้หรอกครับ อาศัยข่าวในช่วงเวลานั้น และผมเห็นว่าเป็นประเด็นที่แสดงถึงอำนาจอำนาจที่คิดจะใช้ก็ใช้กันให้มันวุ่นวาย หรืออาจจะเอาอกเอาใจใครก็ได้เพราะช่วงเวลานั้น จะมีข่าวซุบซิบกันเกี่ยวกับ ผู้หญิง ของท่านจอมพลป. ว่ากันอย่างนั้น ม.ล.ขาบจึงได้เอาใจและพูดแบบเดาใจนักข่าวที่ถามในล่วนที่เกี่ยวกับการเมืองนั้นหลังจากฮือฮากันด้วยเรื่องละครแล้วไม่นานวันก็มีกระแสข่าวที่ทำให้นักข่าวการเมืองวิ่งกันพล่านและพุ่งเป้าไปที่ บ้านสี่เสา อันเป็นที่พักของจอมพลสฤษดิ้ ธนะรัซต์ และพบว่ามีนักการเมืองเดินทางเข้าออกอยู่ข้างจะพลุกพล่านสืบสาวราวเรื่องแล้วปรากฏว่าเป็นผลมาจากการให้สัมภาษณ์ของจอมพล ป. นายกรัฐมนตรี ว่าได้มีการพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าให้เลือกเอา กล่องไฟสตูดิโอ ฉากขาว ใครจะอยู่การค้าก็ลาออกจากรัฐมนตรี ใครจะเป็นรัฐมนตรีก็สละตำแหน่งการค้าให้หมดที่มีเสียงพูดเช่นนี้มาจากการเจรจาเกี่ยวกับการตั้งโรงกลั่นนํ้ามันซึ่งบริษัทเชลล์กับบริษัทของสุริยน ไรวา เสนอต่อรัฐมนตรีกลาโหมพิจารณาอยู่และมีข่าวว่า มีคนเตือนจอมพลสฤษดิ้ในเรื่องนีผมไม่กลัวหรอก การตั้งโรงกลั่นเป็นเรื่องจำเป็น ผมกำลังเจรจาที่จะเอาเงินบาทมาใช้ในการนี้แทนดอลลาร์ว่ากันว่านี่คือที่มาของคำกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และในวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๐๐ มีคนพลุกพล่านนั้นเกิดจากการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม โดยจอมพลสฤษดึ๋ถึงกับเขียนเป็นจดหมายลาออกด้วยตนเองเขียนถึงนายกรัฐมนตรี กล่องถ่ายภาพ นัยว่ามรสุมทางการเมืองบีบให้ต้องทำอย่างนั้นเนื้อหาของจดหมายจะบอกอะไรแค่ไหน ไม่มีใครรู้ แต่จอมพลสฤษดิได้เปิดให้สัมภาษณ์ในเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. ถึงการค้าและการลาออกเรื่องการค้าจะมีความหมายอะไร ผมลาออกจากการเกี่ยวช้องการค้ามาสองปีกว่าแล้ว บอกก็ได้ว่าที่ลาออกเพราะมรสุมการเมืองมันหนัก ผมถึงต้องเขียนจดหมายลาออก มีคำถามว่าถ้ามีการยับยั้งยังไงผมก็ออก อีกอย่างที่ผมเป็นรองหัวหน้าพรรคเสรีฯ นั้นผมก็ไม่รู้เรื่อง ผมได้ลังนายทหารให้บอกว่าเป็นการลาออกธรรมดาๆอีกอย่างหนึ่งก็คือผมว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหา การเมือง ไม่ถูกตามกระแสความเห็นของประชาซน ประชาชนไม่พอใจคนในคณะรัฐบาลแล้วรัฐบาลก็ไม่แก้ไข ผมบอกเขาว่าเมื่อเขาไม่แก้ไข ผมก็ออก ในส่วนตำแหน่งผบ.ทบ.น่ะผมไม่ลาออกหรอก ใครจะทำยังไงผมก็ไม่ออก แล้วยํ้าอีกว่าไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่ออกนึ่คือสถานการณ์การเมืองในช่วงที่ต้องเรียกว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อทีเดียว จะเห็นว่าเป้าหมายที่พูดว่าประซาซนไม่ชอบคนในคณะรัฐบาลนั้นหมายถึงผู้ใด ฉะนั้น ในวันเดียวกันแต่เป็นเวลาบ่าย จอมพล ป. กำลังจะขึ้นไปประชุมสภา ณ กล่องไฟถ่ายรูป ราคา พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นที่ประชุมสภาในสมัยนั้น นักข่าวล้อมหน้าล้อมหลังถามถึงการลาออกของจอมพลสฤษดี้นายกรัฐมนตรีบอกว่าได้พบกันแล้ว ก่อนจะกลับก็บอกกับคุณวิจิตราท่านผู้หญิง ว่าให้ช่วยปลอบ ช่วยรั้งเอาไว้บ้าง แต่ถ้าตำแหน่งกลาโหมต้องว่างลง ผมก็จะเป็นเองจะว่าไปรัฐมนตรีว่าการกลาโหมนั้น จอมพล ป. ได้เคยนั่งบริหารมาก่อนแล้ว ว่ากันว่าโดยกระแสการเมืองในช่วงนั้น จอมพล ป. จำใจยกเก้าอี้ตัวนี้ให้ก็เพื่อจะรักษานํ้าใจจอมพลสฤษดิ้ เพราะ พล.ต.อ.เผ่าเกิดไปนั่งรัฐมนตรีว่าการมหาดไทยควบอธิบดีกรมตำรวจการประกาศลาออกของจอมพลสฤษดึ๋จะว่าไปมืความกระทบกระเทือนทีเดียว เหมือนเป็นการประกาศแยกตัวออกมาจากอำนาจทางฝ่ายการเมืองแต่ควบคุมอำนาจทหารเอาไว้ในมือซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในยุคที่รถกังจะวิ่งออกไปตามถนนแล้วเข้าคุมจุดหรือแหล่งที่สำคัญ เช่น กรมประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงสถานีทีวีและอีกหลายแห่งที่เรียกกันว่าเป็นกำลังสำคัญของการปฎิว้ตเลยเซียวแหละจอมพล ป. เองก็เข้าใจจึงได้ตามง้อด้วยตัวเองเพื่อจะได้สังเกตบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเองแทนที่จะให้คนอื่นจอมพลฟ้น รณนภากาศ กล่องไฟสตูดิโอมินิ แม่ทัพอากาศโดดออกมาเป็น กาวใจเชื่อมจอมพลสฤษดิ้แต่ไม่สำเร็จ เพราะตอนบ่ายวันนั้นจอมพลสฤษดึ๋ได้เดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศ บางแสน ชลบุรี เป็นการ ปลีกวิเวกเลียชั่วคราว ให้ขบคิดเป็นปริศนาเสียยังงั้นแหละดูเหมือนว่าการลาออกคือการถือธงนำพลพรรค พลตรีคิริ คิริโยธินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ยื่นใบลาออก เช่นเดียวกับพลโทถนอมกิตติขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม ส่งใบลาออก ซึ่งรายนี้ จอมพล ป.อนุมัติพร้อมกับแต่งตั้งให้เป็น รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ท.เฉลิมเกียรติ วัฒนางกร รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม ส่งใบลาออกในอีกสองวันต่อมาส่วนพลตรีประมาณ อดิเรกสาร รมว.อุตสาหกรรม ลาออกจากตำแหน่งประธานธนาคารอุตสาหกรรมและบริษัท ยางไทย พันเอกหลวงบุรกรรมโกวีท รมช.มหาดไทย ลาออกจากองค์การไฟฟ้า จะเห็นว่ากระแส
กล่องไฟถ่ายภาพสินค้า
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น